ใครๆก็รู้ว่าการกินอาหารที่มีสุขภาพดีเช่นผักและผลไม้ นั้นดีต่อสุขภาพ ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะกินผักผลไม้บ่อยๆ แต่รู้ไหมว่าการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ"มากเกินไป" นั้นไม่ดีต่อสุขภาพ ใช่ครับมันไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมัน"มากเกินไป" มันก็จะไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่นเราออกกำลังกายวันละ 3 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์... แทนที่เราจะได้สุขภาพกลับมาเป็นของขวัญจากการออกกำลังกาย กลับกลายเป็นว่าเราอาจจะต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเลยก็ได้เพราะเรา Overtrain ครับ
การออกกลังกายมากเกินไปจนทำให้ร่างกายเรารับไม่ไหว ภูมิต้านทานอ่อนแอลงเรียกว่า Overtrain แล้วถ้าเกิดว่าเรากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากเกินไปจะเรียกว่าไรหละ? Overeat? ไม่ใช่ครับ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากเกินไปจนทำให้เราเสียสุขภาพจิตบางทีจะเป็นอาการที่เรียกว่า Orthorexia ครับ
Orthorexia คืออะไร?
Orthorexia (ภาษาไทยพูดว่า: ออ-โท-เรก-เซีย) เป็นอาการผิดปกติในการกินที่ทำให้คนๆนึงกินอาหารอย่างเคร่งครัด มีเวลาจำกัด มี Calories จำกัด และต้องกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพตลอดเวลา คนพวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะลงโทษตัวเองเวลาไปกินอะไรที่ไม่ดีเข้า เช่น ออกกำลังกายให้หนักขึ้น การกินเคร่งมากกว่าเดิมสิบเท่า หรือบางคนก็อาจจะอดอาหารไปเลยหลังจากมื้อที่กินอาหารที่ไม่ดี
อะไรที่ทำให้เกิด Orthorexia?
Orthorexia นั้นไม่ใช่โรคที่ติดต่อมาจากคนอื่นแต่อย่างใด แต่เป็นอาการผิดปกติที่มาจาก แรงผลักดันภายใน หรือ Internal Motivation ครับ อย่างเช่น รู้สึกอยากจะมีสุขภาพดีมากๆ รู้สึกว่าอยากจะให้ตัวเองดูผอมตลอดเวลา รู้สึกว่าต้องกินอาหารที่"บริสุทธิ์"ตลอดเวลา รู้สึกว่าอยากหลบหนีอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ต่างๆนาๆ Internal Motivation ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ แต่สิ่งที่ผมได้เกล่าไปก็เป็นสาเหตุทั่วไปที่ก่อให้เกิด Orthorexia ได้ครับ
จะรู้ได้ไงว่าเราเป็นโรคผิดปกติ Orthorexia?
ลองถามตัวเองดูว่าเราเป็นอาการเหล่านี้รึเปล่าดูนะครับ ถ้าตอบว่า "ใช่" แนวโน้มก็มากขึ้นครับ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารปนเปื้อนหรืออาหารที่มีสารกันบูดตลอดเวลา
- ไม่กินไขมัน น้ำตาล และ เกลือ
- ไม่กินเนื้อสัตว์
- กินอาหารเสริมสมุนไพรเยอะมาก อาหารเสริมจำพวก Probiotics หรืออาหารเสริมเม็ดหรือผงอื่นๆ
- รู้สึกผิดเวลาไม่ได้กินของที่ตัวเองวางแผนเอาไว้
- ใช้เวลาในการคิดเกี่ยวกับอาหารที่ต้องกินมากขึ้น
- รู้สึกมีความเคราพในตัวเอง (Self-esteem) มากขึ้นเมื่อได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- กลัวที่จะกินอาหารนอกบ้าน
- กลัวที่จะกินอาหารที่คนอื่นทำมาให้
- มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องอาหาร
- ไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้ตัวเองหลุดไปกินอาหารอะไรก็ได้ บางครั้งบางคราว
ผลที่ตามมาของอาการ Orthorexia
ผลกระทบอันดับแรกเลยของอาการนี้คือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอาจจะเปลี่ยนไปครับเพราะว่าเราหมกมุ่นกับการกินมากเกินไปจนบางครั้งเวลาเรามีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือครอบครัว เราก็ไม่สามารถจะกินอะไรได้ เราอาจจะรู้สึกนอยเบื่อเพราะอาหารที่นั่นไม่น่ากินเอาซะเลย เวลาเราต้องออกไปรับประทานอาหารกับเพื่อนๆเราก็จะปฏิเสธเป็นซะส่วนใหญ่เพราะว่าเราต้องกินอาหารที่วางแผนไว้หรืออาหารที่ Organic ไม่มีน้ำมันตลอดเวลา
ผลกระทบอันดับที่สองก็คือน้ำหนักลดลงอย่างมาก อันนี้เป็นเพราะว่าตัวเลือกอาหารของเราถูกตัดลงเรื่อยๆเมื่อเราพบว่าอาหารชนิดนั้นไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเราก็จะเลิกกิน กับกลายเป็นว่าเรามีอาหารให้กินหลากหลายไม่พอ สิ่งที่ตามมาก็คือ Calories ที่กินไปแต่ละวันไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาจจะทำให้เราซูบผอมได้ครับ
ผมกระทบอันดับสามก็คืออาการขาดสารอาหาร (Malnutrition) ครับ เป็นเพราะว่าเราไม่สามารถทานเนื้อสัตว์ได้เราอาจจะขาดโปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างส่วนที่สึกหรอในร่างกายได้ เนื้อสัตว์ยังมีส่วนประกอบหลักคือธาตุเหล็ก และถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์ให้เพียงพอ เราอาจจะขาดธาตุเหล็กได้ครับและจะมีโรคต่างๆตามมาเยอะแยะ
ถ้าเรารู้ว่าเรามีอาการ Orthorexia เราจะแก้ยังไง?
เราอาจจะแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเองหรือว่าเราอาจจไปหาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารการกินก็ได้ครับส่วนคำแนะนำที่ผมจะเสนอก็คือ
Instinctive Eating คือการกินตามสัญชาติญาณครับ ง่ายๆคือกินเวลาเรารู้สึกหิว และไม่ต้องกินเวลาเรารู้สึกไม่หิว เวลาเราอิ่มแล้วก็หยุดกิน ถ้าเรารู้สึกพอใจกับมื้อนี้แล้วก็หยุดกิน ไม่ต้องฟังว่าคนอื่นจะพูดอย่างไรหรือจะยัดเยียดให้เรากิน เราแค่ใช้ความรู้สึกตัวเองครับ ฝรั่งเค้าจะพูดว่า "Listen to your gut"หมายความว่าให้ฟังสัญญาณของลำไส้ของคุณ ให้เชื่อในตัวคุณเองเวลาคุณหิวหรือไม่หิว นอกจากนี้เราก็ต้องฟังตัวเองด้วยว่า ณ เวลานั้นเราต้องการกินอะไร เราต้องการทานอะไรมากที่สุด บางครั้งเราอาจะอยากรู้สึกทานเนื้อ ก็สั่งมาทานซะ บางครั้งเราอยากกินเบคอนก็ทานซะ
Middle-ground foods คือการรู้ว่าอาหารไหน"เป็นกลาง" เรารู้อยู่แล้วว่าอาหารไหนที่เราคิดว่า "ดี" และ "ไม่ดี" ดั้งนั้นเราต้องหาอาหารที่เป็นกลางครับ วิธีนี้เป็นการผ่อนผันได้ระดับนึง เราต้องรู้ว่าอาหารไหนที่ยังพอดีกับตัวเรา ยังคงมีประโยชน์ถึงแม้มันจะไม่ Perfect แต่เราก็สามารถรับประทานได้ไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายอะไร ก็ยังดีกว่ารับประทานอาหารที่ไม่ดีครับ
การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพราะว่าเรากินแล้วรู้สึกดีต่อตัวเอง รู้สึกเคราพตัวเอง หรือว่ารู้สึกเหนือกว่าคนอื่นนั้นไม่ค่อยมีเหตุมีผลเท่าไหร่ครับ ถึงแม้ว่าเรารู้วิธีการแก้แล้วเราได้ผ่อนผันความเคร่งกับการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพลงมาแล้ว เราก็ยังคงอยู่ในกรอบกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพครับ เราต้องรู้และเลือกอาหารให้เป็น และให้เหมาะกับในแต่ละสถานการณ์ เราสามารถเปลี่ยนตัวเองจากที่เราคิดว่าเราคือ "คนกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ" ไปเป็น "คนที่สนุกสนานร่าเริงแจ่มใส และสนุกกับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ" ได้ครับ เราสามารถออกไปทานอาหารนอกบ้านได้เป็นบางครั้งบางคราวหรือมากขึ้น แต่เราก็ต้องรู้จักเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราครับ และอย่าลืม
LISTEN TO YOUR GUT!!
No comments:
Post a Comment